การติดตั้งพื้น SPC ด้วยตัวเอง

การติดตั้งพื้น SPC (Stone Plastic Composite) เป็นที่นิยมมากในหมู่คนรักบ้านที่ชอบความสะดวกและสวยงามในการตกแต่งพื้นภายในบ้านหรือสำนักงาน ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานกันน้ำได้ดีและดูแลรักษาง่าย พื้น SPC จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องการเปลี่ยนพื้นห้องเองแบบ DIY หรือ “ทำด้วยตัวเอง” วันนี้เราจะมาแนะนำขั้นตอนการติดตั้งพื้น SPC แบบละเอียดพร้อมเทคนิคและเคล็ดลับให้การติดตั้งเป็นเรื่องง่ายดาย คุณจะได้พื้นที่เรียบสวยและทนทานในราคาประหยัดอย่างมืออาชีพเลยทีเดียว!

เตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้งพื้น SPC

ก่อนการติดตั้งพื้น SPC สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมพื้นที่และอุปกรณ์ให้พร้อม เพราะจะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ลดความยุ่งยาก และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

• แผ่นพื้น SPC – ควรเลือกแผ่นที่มีขนาดและสีที่ตรงกับความต้องการใช้งาน
• ค้อนยาง – ใช้สำหรับเคาะแผ่นพื้นเข้าล็อกโดยไม่ทำลายแผ่นพื้น
• แผ่นรองพื้น (Underlayment) – แผ่นรองพื้นที่ช่วยลดเสียงและเพิ่มความนุ่มนวลในขณะเดิน
• เลื่อยไฟฟ้าหรือเลื่อยมือ – สำหรับตัดแผ่นพื้นให้ได้ขนาดที่พอดีกับพื้นที่หรือมุมห้อง
• ไม้บรรทัดและดินสอ – สำหรับการวัดระยะและทำเครื่องหมายก่อนตัด
• ที่กันชนพื้น (Spacer) – เพื่อเว้นระยะห่างจากผนังที่ช่วยให้พื้นมีพื้นที่ขยายตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ

ตรวจสอบพื้นผิวเดิมก่อนติดตั้ง

การตรวจสอบพื้นผิวเดิมเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรละเลย พื้นผิวเดิมควรเรียบสะอาดและไม่มีฝุ่นละออง หากมีรอยแตกหรือรอยบุบ ควรปรับพื้นให้เรียบเสมอกันเพื่อป้องกันปัญหาหลังการติดตั้ง เช่น แผ่นพื้นยุบตัวหรือพื้นไม่แนบสนิท การทำความสะอาดฝุ่นและเศษสิ่งสกปรกก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อให้พื้น SPC แนบสนิทกับพื้นผิวเดิมและมีความสวยงาม

การเตรียมพื้นผิวและอุปกรณ์ล่วงหน้าจะช่วยให้การติดตั้งดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องคอยหยุดระหว่างทำงาน

ขั้นตอนการติดตั้งพื้น SPC ด้วยตัวเอง

หลังจากเตรียมอุปกรณ์และพื้นผิวเสร็จสิ้นแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการติดตั้งพื้น SPC โดยสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างราบรื่น

ขั้นตอนที่ 1 – วางแผ่นรองพื้น (ถ้าจำเป็น)

บางสถานการณ์อาจต้องใช้แผ่นรองพื้นเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลและลดเสียงในขณะเดิน แผ่นรองพื้นยังช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างพื้นเดิมกับแผ่นพื้น SPC จึงช่วยยืดอายุการใช้งาน ควรติดตั้งแผ่นรองพื้นให้ชิดกันแต่ไม่ซ้อนทับ และครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่

ขั้นตอนที่ 2 – เริ่มวางแผ่น SPC จากมุมห้อง

การเริ่มต้นวางแผ่นพื้นจากมุมห้องช่วยให้จัดเรียงพื้นได้ง่ายขึ้นและลดโอกาสเกิดช่องว่าง ควรวางแผ่นพื้นแรกให้ร่องล็อกหันเข้าผนังและใช้ที่กันชนเพื่อเว้นช่องว่างระหว่างแผ่นพื้นกับผนังประมาณ 5-8 มม. เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดจากการขยายตัวของพื้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ

ขั้นตอนที่ 3 – ต่อแผ่นพื้น SPC ด้วยระบบคลิกล็อก

แผ่นพื้น SPC มาพร้อมระบบคลิกล็อก ซึ่งช่วยให้การติดตั้งทำได้ง่ายขึ้น เพียงเสียบแผ่นพื้นให้เข้ากันในร่องล็อกของแผ่นที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้าแล้วใช้ค้อนยางเคาะเบา ๆ เพื่อให้แผ่นพื้นแนบสนิท การใช้ค้อนยางจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแผ่นพื้นระหว่างการติดตั้ง

เคล็ดลับ: ให้ตรวจสอบความแนบสนิทของแผ่นพื้นในแต่ละแถวและระยะห่างระหว่างแผ่นพื้น เพื่อให้ได้พื้นที่เรียบเนียนและสวยงาม

ขั้นตอนที่ 4 – ตัดแผ่นพื้น SPC ให้พอดีกับพื้นที่

เมื่อติดตั้งจนถึงขอบห้องหรือจุดที่แผ่นพื้นมีขนาดไม่พอดี ให้ใช้เลื่อยไฟฟ้าหรือเลื่อยมือในการตัดแผ่นพื้น SPC ตามขนาดที่ต้องการ ก่อนตัดควรวัดระยะและทำเครื่องหมายด้วยดินสอให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการตัดผิดพลาด การเว้นช่องว่างเล็กน้อยที่ขอบห้องเพื่อการขยายตัวก็สำคัญเช่นกัน

ขั้นตอนที่ 5 – ตรวจสอบความเรียบร้อยและเก็บรายละเอียด

หลังจากติดตั้งแผ่นพื้น SPC ครบทุกแผ่นแล้ว ให้ตรวจสอบความแนบสนิทและความเรียบสม่ำเสมอของแผ่นพื้นทุกแผ่น และทำความสะอาดฝุ่นและเศษวัสดุที่เหลือ สำหรับมุมห้องหรือขอบผนังที่เหลือ ให้ติดตั้งบัวพื้นเพื่อให้พื้นดูเรียบร้อยยิ่งขึ้น

เคล็ดลับและข้อควรระวังในการติดตั้งพื้น SPC

เว้นช่องว่างสำหรับการขยายตัว

พื้น SPC มีความสามารถในการขยายและหดตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ดังนั้น ควรเว้นระยะห่างระหว่างแผ่นพื้นกับผนังหรือขอบห้องเพื่อป้องกันไม่ให้พื้นเกิดการบิดเบี้ยวเมื่อใช้งาน

ระวังการตัดแผ่นพื้น

การตัดแผ่นพื้นควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะหากตัดผิดอาจทำให้เสียแผ่นพื้นไปโดยไม่จำเป็น การวัดระยะและทำเครื่องหมายด้วยดินสอเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม และควรเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการตัด เช่น เลื่อยไฟฟ้าสำหรับการตัดที่มีความแม่นยำสูง

ตรวจสอบระบบคลิกล็อกในทุกแผ่น

ควรตรวจสอบทุกแผ่นพื้นว่าเข้าล็อกกันอย่างแน่นหนาและสม่ำเสมอ เพราะระบบคลิกล็อกช่วยให้พื้น SPC แนบสนิทและไม่หลุดง่าย ซึ่งจะทำให้พื้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และลดปัญหาการยุบตัวระหว่างใช้งาน